สายไฟฟ้ามีแบบไหนบ้าง?

สายไฟฟ้ามีแบบไหนบ้าง?

 

         “ในการเลือกขนาดสายไฟฟ้า ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน กล่าวคือถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้ากินกระแสไฟฟ้ามาก เราก็ต้องเลือกใช้ขนาดสายไฟฟ้าใหญ่ ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้ากินกระแสไฟฟ้าน้อย เราก็ใช้สายไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กลงมา ตามพิกัดกระแสของสายไฟ และเลือกสายไฟให้ถูกประเภท ว่าเราใช้ไฟ กระแสสลับ (AC) หรือกระแสตรง (DC)”


การเลือกขนาดสายไฟฟ้ากระแสตรง DC

สายไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ส่งพลังงานไฟฟ้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยกระแสไฟฟ้าจะ เป็นตัวนำพลังงานไฟฟ้าผ่านไปตามสายไฟจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟทำด้วยสารที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ เรียกว่าตัวนำไฟฟ้า และตัวนำไฟฟ้าที่ใช้ทำสายไฟเป็นโลหะที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ดี ลวดตัวนำแต่ละชนิดยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้ต่างกัน ตัวนำไฟฟ้าที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้มากเรียกว่ามีความนำไฟฟ้ามากหรือมีความต้านทานไฟฟ้าน้อย ลวดตัวนำจะมีความต้านทานไฟฟ้าอยู่ด้วย โดยลวดตัวนำที่มีความต้านทานไฟฟ้ามากจะยอม ให้กระแสไฟฟ้าผ่านได้น้อย

สายไฟกับการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 

ต้องใช้สายไฟสำหรับโซลาร์เซลล์โดยเฉพาะ ต้องมีความสามารถทนอุณหภูมิได้ไม่น้อยกว่า 80 องศาเซลเซียส ซึ่งเรียกสายสำหรับโซลาร์เซลล์ ว่า PV / PV1-F ภายในสาย PV1-F ประกอบด้วยสายเส้นเล็กๆ จำนวนมาก ทำให้เหมาะกับไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ไฟไหลผ่านได้ดี เพราะไฟฟ้าระบบกระแสตรง จะวิ่งที่ขอบของสายไฟเส้นเล็กๆ มีค่าความสูญเสียการไฟฟ้าน้อยกว่า การใช้สายไฟเส้นใหญ่ๆเพียงเส้นเดียว และสายยังเคลือบด้วยดีบุก เพื่อป้องกันการกัดกร่อน หรือตระใคร่เมื่อเกิดความชื้น สายไฟชนิดนี้สามารถทนอุณหภูมิ ทั้งภายในและภายนอกสายไฟได้ สูงมากกว่า 90 องศาเซลเซียส    สาย PV1-F เป็นสายไฟสำหรับไฟ DC ออกแบบมาเพื่อระบบโซลาร์เซลล์โดยเฉพาะ เป็นสายทองแดงเคลือบดีบุก หุ้มฉนวน 2 ชั้น ทดความร้อน การออกแบบระบบ จะต้องระมัดระวังในการพิจารณา เลือกชนิดและขนาดสายไฟให้เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบ หากเลือกสายไฟที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดความร้อนสูงและเกิดไฟไหม้จากกระแสที่มากเกินได้


การเลือกขนาดสายไฟฟ้ากระแสสลับ 
AC    

 

รวมถึงการเลือกใช้ขนาดสายไฟ และการต่อเชื่อมที่ถูกต้อง จะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องไปดูแลรักษาเป็นเวลานาน และปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน การเลือกชนิดและขนาดสายไฟได้ถูกต้อง จะช่วยเพิ่มสมรรถนะ และความเชื่อถือของระบบเซลล์แสงอาทิตย์ โดยสายไฟจะต้องมีขนาดเพียงพอ ที่จะให้ปริมาณไฟฟ้ามากที่สุด ไหลไปตามสายไฟได้ และเกิดการสูญเสียแรงดันในสายไฟน้อย รวมถึงสายไฟควรมีระยะสั้นเท่าที่จำเป็น เนื่องจากสายไฟมีความต้านทานอยู่ จึงต้องมีแรงดันในการผลัก ให้กระแสไหลไปตามสายไฟ ถ้าความต้านทานของสายไฟมากขึ้น ยิ่งต้องใช้แรงดันมากขึ้น ปริมาณแรงดันที่ใช้ผลักกระแสนี้เรียกว่า แรงดันตกในสายไฟ

    การเลือกสายไฟฟ้ากระแสสลับ ที่ใช้งานในบ้านให้เหมาะสม เพื่อความปลอดภัย เราจะดูจากโหลดการใช้งาน หรือกระแสไฟฟ้า แอมแปร์ที่ไฟฟ้าไหลผ่าน โดยเผื่อค่าความปลอดภัยอย่างน้อย 25% เพื่อป้องกันสายไฟร้อนจัด จนเกิดไฟลุก เพราะใช้กระแสเกินพิกัด

 

สายไฟกระแสสลับ (AC)


สายไฟฟ้า 
VAF    

เป็นสายไฟฟ้าที่สามารถทนแรงดันไฟฟ้า 300 โวลต์(ไฟตามบ้านเรามีแรงดัน220โวลต์) เป็นสายที่มี 2เส้น หรือ 3เส้น ในสายเส้นเดียว หุ้มด้วยฉนวนพีวีซี 2ชั้น สำหรับการติดตั้งภายในอาคารเท่านั้น ไม่ควรนำสาย VAFไปติดตั้งนอกอาคาร หรือฝังใต้ดินเด็ดขาด เพราะฉนวนที่หุ้มสาย VAF นี้ไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศ แสดงดิน หรือสารอินทรีย์ที่อยู่ในดินได้นาน ที่เราสามารถเห็นได้โดยทั่วไป ที่ติดตั้งกับผนังหรือเพดานบ้าน ด้วยเข็มขัดรัดสาย หรือ Clip รัดสาย

สายไฟฟ้า THW   

เป็นสายฟ้าที่ทนแรงดันไฟฟ้าได้มากถึง 750โวลต์(แล้วแต่ขนาด) มีฉนวนพีวีซีหุ้ม1ชั้น และเป็นสายเพียงเส้นเดียว การติดตั้งต้องร้อยเข้าไปในท่อร้อยสายไฟฟ้าอีกทีหนึ่ง เพื่อป้องกัน กรณีที่ต้องการฝังท่อในผนังคอรกรีต หรือเดินบนฝ้าเพดาน สาย THW นี้ ไม่แนะนำให้ติดตั้งนอกอาคาร หรือฝังใต้ดิน ไม่ให้สายสัมผัสกับดินหรืออากาศโดยตรง จะต้องร้อยเข้าไปในท่อไฟฟ้าก่อนเท่านั้น

สายไฟฟ้า VCT 

เป็นสายไฟฟ้าที่สามารถฝังใต้ดิน หรือติดตั้งนอกอาคารได้ เช่นใช้สำหรับสายโคมไฟฟ้า ในสวนหน้าบ้าน หรือสายไฟฟ้าที่จ่ายไปยังปั๊มน้ำรดน้ำต้นไม้ เป็นสายอ่อนที่มีฉนวนหุ้ม 2 ชั้น และฉนวนชั้นนอก เป็นสามารถทนต่อสภาพอากาศ แรงสั่นสะเทือนได้ดี ทนแรงดันไฟฟ้าได้มาถึง750โวลต์

แรงดันที่สูญเสีย=กระแสไฟฟ้า X [0.02 X ความยาว(ม) / พื้นที่หน้าตัด (มม.2)]

 

SunnergyTechnology ผู้ผลิตและจำหน่าย สายไฟ โซล่าเซลล์ ราคาถูก https://www.thaisolarpanel.net/สายไฟโซล่าเซลล์-ราคาถูก/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น